วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

คำศัพท์ครั้งที่ 4


Sidejacking: Sidejacking เป็นเทคนิคการแฮกแบบหนึ่ง โดยที่มันจะขโมย session ของคุณ โดยทั่วไปเวบไซท์จะเข้ารหัสรหัสของคุณ มันจะได้ไม่มีใครขโมยได้ แต่แล้วมันก็จะส่ง “session-id” ที่ไม่ได้เข้ารหัสไว้ session-id นี้อาจจะเป็นข้อมูลที่อยู่ใน URL หรือโดยปกติิ จะเป็นข้อมูลที่อยู่ใน HTTP cookie แฮคเกอร์ที่มี session-id นั้น จะสามารถปลอมตัวแล้วเข้าใช้แอคเคาท์นั้นๆได้ เหมือนกับว่าเขาล็อกอินเอง ทำให้เขาสามารถอ่านอีเมลของคุณ ดูว่าคุณเคยซื้ออะไร หรือใช้แอคเคาท์ social network ต่างๆของคุณ ฯลฯ Robert Graham ผู้ซึ่งเป็นผู้รวบรวมจุดโหว่และแจกจ่ายเป็นผู้คิดคำนี้

Black Hat: “Black Hat” เป็นแฮคเกอร์ที่เชี่ยวชาญด้านการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาติ และปกติข้อมูลเหล่านั้นจะเป็นข้อมูลที่เป็นความลับ พวกเขาอาจจะใช้คอมโจมตีระบบเพื่อเงิน ความสนุก หรือการเคลื่อนไหวทางการเมือง การโจมตีมักจะเป็นการแก้ไขและ/หรือทำลายข้อมูล โดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ และอาจแพร่ไวรัส worm และสแปม

White Hat: “White Hat” เป็นแฮคเกอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการหาจุดโหว่ แต่เมื่อพบช่องโหว่นี้ แทนที่จะฉวยโอกาส พวกเขาจะบอกช่องโหว่นี้ แล้วทำการซ่อมแซม ปิดมันเพื่อไม่ให้มีการโจมตีเกิดขึ้นได้ คำนี้มาจากหนังฝรั่งเก่าๆ ที่พระเอกมักใส่หมวกคาวบอยสีขาว และตัวร้ายจะใส่สีดำ

Worm: มาจากศูนย์วิจัย Xerox Palo Alto 1979 “Computer Worm” จริงๆแล้วถูกสร้างมาเพื่อทำให้คอมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็กลายมาเป็นโปรแกรมที่อาจสร้างความเสียหายได้ บ่อยครั้งมันจะทำให้ไฟล์ในคอมเสียหรือทำให้คอมช้าจนแทบใช้งานไม่ได้

Trojan Horse: โปรแกรมยอดนิยมที่มีในคอม ซึ่งมันจะแฝงตัวเป็นโปรแกรมที่ไม่มีอันตราย Trojans อาจไม่สามารถสร้างตัวเองใหม่ได้ แต่มันก็ยังอันตรายมาก บ่อยครั้ง Trojan จะเปิดประตูหลังไว้บนคอม ทำให้คอมเป็นอันตรายต่อการติดภัยอื่นๆ และให้แฮคเกอร์สามารถควบคุมคอมคุณได้ ต้นกำเนิดจาก Dan Edwards

Phishing: เริ่มจากแฮคเกอร์ที่คอยขโมยรหัสขของผู้ใช้ America On Line จากผู้ใช้ที่ไม่รู้เรื่องอะไร “phishing” เป็นการขโมยข้อมูลของผู้ใช้จากบุคคลที่สาม ข้อมูลนั้นประกอบด้วย ชื่อ รหัส ข้อมูลการเงิน และเลขบัตรเครดิต การกระทำนี้ โดยทั่วไปมักเป็นการส่งอีเมลหลอกๆ ว่ามาจากบริษัททีมีอยู่จริง หรือส่งผู้ใช้ไปเวบที่ดูเหมือนของจริง และผลจากการถูก phish ก็คือการถูกแอบแฝงตน

Script Kiddies: คำคิดโดย Marcus Ranum เพื่ออธิบายพวก white hats ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ script kiddy ถูกใช้โดยแฮคเกอร์ที่มีประสบการณ์เพื่อเรียกแฮคเกอร์เด็กๆหรือที่ประสบการณ์น้อย ที่อาจสร้างความรำคาญหรืออันตายได้ การใช้เทคนิคเด็กๆ โปรแกรมที่มีอยู่แล้ว หรือมีผู้ช่วย ในการเจาะช่องโหว่ของระบบ จุดแตกต่างที่สำคัญก็คือ แฮคเกอร์พวกนี้มักไม่รู้ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกระทำของตนเอง

Keylogging: ถูกสร้างโดย Perry Kivolowitz สำหรับผู้ใช้ Usenet ในปี 1983 Keylogging เริ่มถูกใช้อย่างแพร่หลาย มันคือการบันทึกปุ่มที่ถูกกดบนคีย์บอร์ด และบางครั้งถูกใช้เพื่อการเฝ้าดูเด็กเล็กๆเวลาใช้อินเตอร์เน็ต

Social Engineering: ทำให้เป็นที่รู้จักโดย Kevin Mitnick แฮคเกอร์ในตำนาน Social Engineering เป็นการเอาข้อมูลจากเหยื่อ โดยให้เหยื่อเป็นผู้ให้เอง ข้อมูลนี้ก็จะถูกเอามาใช้เพื่อโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างพนึ่งก็คือ เช่น พนักงานของบริษัทๆคนหนึ่งถูกหลอกให้บอกข้อมูลเกี่ยวกับเขา ข้อมูลนี้ก็จะถูกใช้เพื่อเอาข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัท

Crapware: ถูกใช้โดย Marc Orchant บนบล็อค ZDNet Crapware เป็นโปรแกรมที่ใช้ทรัพยากรที่สำคัญๆของคอม เช่น memory หรือ RAM Crapware รวมตั้งแต่โปรแกรมที่ถูกติตั้งมาต่อนซื้อเครื่อง จนถึงโปรแกรมที่ถูกดาวน์โหลดมาจากอินเตอร์เน็ตโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ ตัวอย่างของ Crapware ที่แพร่หลายมากคือ AOL ซึ่งถูกติดตั้งมาจากผู้ผลิต
มีคำโปรดที่เราไม่ได้พูดถึงหรอ? บอกเราในคอมเมนท์ได้

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น