วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

คำศัพท์ครั้งที่ 5


1.Botnet (Zombie PCs): มาจากคำว่า “Robot” กับ “Network” Botnet คือคอมพิวเตอร์บนอินเตอร์เน็ตที่ ดดยที่เจ้าของไม่รู้ ส่งฟอร์เวิดอีเมลไปยังคอมอื่นๆบนอินเตอร์เน็ต คอมที่ติดเชื่อเหลานี้เรียกว่า “zombies” DoS attacks (Denial of Service) โดยบ่อยครั้งจะใช้พวก zombie พวกนี้เป็นพันๆเครื่อง

2.character: ตัวหนังสือ หมายถึงตัวอักษร ตัวเลข เครื่องหมายต่างๆ ที่ใช้ในภาษา เครื่องหมายวรรคตอน รวมทั้งสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายใดๆ ที่ใช้เป็นรหัสเพื่อควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วย
 

3.chassis : (อ่านว่า คัสซีส์) กรอบโลหะซึ่งใช้เป็นฐานรองรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเลกทรอนิกใดๆ; เครื่องล่าง



4.interface : ตัวเชื่อมประสาน ส่วนประกอบของเขตข้อมูล e.g. ในระบบทั้ง 2 หรือกลไกในการเชื่อมประสาน



5.executive routine : ชุดคำสั่งประจำกระทำการ เป็นโปรแกรมที่มีความเชี่ยวชาญในระบบควบคุมในการทำงานและแปลโปรแกรมอื่นมักจะอ้างอิงถึงการแปลคำสั่งแสดงผลลัพธ์ หรือหัวหน้างาน



6.Incident คือ เหตุการณ์ละเมินความปลอดภัยคอมพิวเตอร์และเครื่อข่าย
 

 7.Misvse Detection Model คือ การตรวจจับการบุกรุกโดยการมองหากิจกรมเกี่ยวกับเทคนิคการบุกรุกที่ทราบ

 8.Packet Sniffer คือ อุปรกรณ์หรือ program ทำเฝ้าดูข้อมูลที่ไหลไปมาระหว่างคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย

 9.Implementation Vulnerability  คือ ความล่อแหลมจากการใช้งาน
 

 10.Incident คือ เหตุการณ์ละเมินความปลอดภัยคอมพิวเตอร์และเครื่อข่าย

 

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

คำศัพท์ครั้งที่ 4


Sidejacking: Sidejacking เป็นเทคนิคการแฮกแบบหนึ่ง โดยที่มันจะขโมย session ของคุณ โดยทั่วไปเวบไซท์จะเข้ารหัสรหัสของคุณ มันจะได้ไม่มีใครขโมยได้ แต่แล้วมันก็จะส่ง “session-id” ที่ไม่ได้เข้ารหัสไว้ session-id นี้อาจจะเป็นข้อมูลที่อยู่ใน URL หรือโดยปกติิ จะเป็นข้อมูลที่อยู่ใน HTTP cookie แฮคเกอร์ที่มี session-id นั้น จะสามารถปลอมตัวแล้วเข้าใช้แอคเคาท์นั้นๆได้ เหมือนกับว่าเขาล็อกอินเอง ทำให้เขาสามารถอ่านอีเมลของคุณ ดูว่าคุณเคยซื้ออะไร หรือใช้แอคเคาท์ social network ต่างๆของคุณ ฯลฯ Robert Graham ผู้ซึ่งเป็นผู้รวบรวมจุดโหว่และแจกจ่ายเป็นผู้คิดคำนี้

Black Hat: “Black Hat” เป็นแฮคเกอร์ที่เชี่ยวชาญด้านการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาติ และปกติข้อมูลเหล่านั้นจะเป็นข้อมูลที่เป็นความลับ พวกเขาอาจจะใช้คอมโจมตีระบบเพื่อเงิน ความสนุก หรือการเคลื่อนไหวทางการเมือง การโจมตีมักจะเป็นการแก้ไขและ/หรือทำลายข้อมูล โดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ และอาจแพร่ไวรัส worm และสแปม

White Hat: “White Hat” เป็นแฮคเกอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการหาจุดโหว่ แต่เมื่อพบช่องโหว่นี้ แทนที่จะฉวยโอกาส พวกเขาจะบอกช่องโหว่นี้ แล้วทำการซ่อมแซม ปิดมันเพื่อไม่ให้มีการโจมตีเกิดขึ้นได้ คำนี้มาจากหนังฝรั่งเก่าๆ ที่พระเอกมักใส่หมวกคาวบอยสีขาว และตัวร้ายจะใส่สีดำ

Worm: มาจากศูนย์วิจัย Xerox Palo Alto 1979 “Computer Worm” จริงๆแล้วถูกสร้างมาเพื่อทำให้คอมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็กลายมาเป็นโปรแกรมที่อาจสร้างความเสียหายได้ บ่อยครั้งมันจะทำให้ไฟล์ในคอมเสียหรือทำให้คอมช้าจนแทบใช้งานไม่ได้

Trojan Horse: โปรแกรมยอดนิยมที่มีในคอม ซึ่งมันจะแฝงตัวเป็นโปรแกรมที่ไม่มีอันตราย Trojans อาจไม่สามารถสร้างตัวเองใหม่ได้ แต่มันก็ยังอันตรายมาก บ่อยครั้ง Trojan จะเปิดประตูหลังไว้บนคอม ทำให้คอมเป็นอันตรายต่อการติดภัยอื่นๆ และให้แฮคเกอร์สามารถควบคุมคอมคุณได้ ต้นกำเนิดจาก Dan Edwards

Phishing: เริ่มจากแฮคเกอร์ที่คอยขโมยรหัสขของผู้ใช้ America On Line จากผู้ใช้ที่ไม่รู้เรื่องอะไร “phishing” เป็นการขโมยข้อมูลของผู้ใช้จากบุคคลที่สาม ข้อมูลนั้นประกอบด้วย ชื่อ รหัส ข้อมูลการเงิน และเลขบัตรเครดิต การกระทำนี้ โดยทั่วไปมักเป็นการส่งอีเมลหลอกๆ ว่ามาจากบริษัททีมีอยู่จริง หรือส่งผู้ใช้ไปเวบที่ดูเหมือนของจริง และผลจากการถูก phish ก็คือการถูกแอบแฝงตน

Script Kiddies: คำคิดโดย Marcus Ranum เพื่ออธิบายพวก white hats ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ script kiddy ถูกใช้โดยแฮคเกอร์ที่มีประสบการณ์เพื่อเรียกแฮคเกอร์เด็กๆหรือที่ประสบการณ์น้อย ที่อาจสร้างความรำคาญหรืออันตายได้ การใช้เทคนิคเด็กๆ โปรแกรมที่มีอยู่แล้ว หรือมีผู้ช่วย ในการเจาะช่องโหว่ของระบบ จุดแตกต่างที่สำคัญก็คือ แฮคเกอร์พวกนี้มักไม่รู้ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกระทำของตนเอง

Keylogging: ถูกสร้างโดย Perry Kivolowitz สำหรับผู้ใช้ Usenet ในปี 1983 Keylogging เริ่มถูกใช้อย่างแพร่หลาย มันคือการบันทึกปุ่มที่ถูกกดบนคีย์บอร์ด และบางครั้งถูกใช้เพื่อการเฝ้าดูเด็กเล็กๆเวลาใช้อินเตอร์เน็ต

Social Engineering: ทำให้เป็นที่รู้จักโดย Kevin Mitnick แฮคเกอร์ในตำนาน Social Engineering เป็นการเอาข้อมูลจากเหยื่อ โดยให้เหยื่อเป็นผู้ให้เอง ข้อมูลนี้ก็จะถูกเอามาใช้เพื่อโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างพนึ่งก็คือ เช่น พนักงานของบริษัทๆคนหนึ่งถูกหลอกให้บอกข้อมูลเกี่ยวกับเขา ข้อมูลนี้ก็จะถูกใช้เพื่อเอาข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัท

Crapware: ถูกใช้โดย Marc Orchant บนบล็อค ZDNet Crapware เป็นโปรแกรมที่ใช้ทรัพยากรที่สำคัญๆของคอม เช่น memory หรือ RAM Crapware รวมตั้งแต่โปรแกรมที่ถูกติตั้งมาต่อนซื้อเครื่อง จนถึงโปรแกรมที่ถูกดาวน์โหลดมาจากอินเตอร์เน็ตโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ ตัวอย่างของ Crapware ที่แพร่หลายมากคือ AOL ซึ่งถูกติดตั้งมาจากผู้ผลิต
มีคำโปรดที่เราไม่ได้พูดถึงหรอ? บอกเราในคอมเมนท์ได้

 

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

คำศัพท์ครั้งที่ 3


 Smishing: Smishing หรือ “SMS phishing” เป็นการ phishing ที่เจาะจงเป้าหมายไปที่ผู้ใช้มือถือ ผู้ใช้จะได้รับ SMS ที่มีลิงค์ และ malware ก็จะทำงานโดยอัตโนมัติในการพยายามติดตั้งตัวเองลงบนโทรศัพท์คุณ หรือนำคุณไปยังเวบ phishing คำนี้ถูกคิดโดย David Rayhawk ในบล็อกของ McAfee Avert Labs


Botnet (Zombie PCs): มาจากคำว่า “Robot” กับ “Network” Botnet คือคอมพิวเตอร์บนอินเตอร์เน็ตที่ ดดยที่เจ้าของไม่รู้ ส่งฟอร์เวิดอีเมลไปยังคอมอื่นๆบนอินเตอร์เน็ต คอมที่ติดเชื่อเหลานี้เรียกว่า “zombies” DoS attacks (Denial of Service) โดยบ่อยครั้งจะใช้พวก zombie พวกนี้เป็นพันๆเครื่อง


BlueBugging: ถูกตั้งโดยชาวมาเลย์เซียคนหนึ่ง bluebugging (ไม่เหมือนกับ bluesnarfing) เป็นการเข้าระบบของโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth โดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ การกระทำนี้ปกติแล้วจะไม่สามารถรู้ได้เพราะไม่มีการเตือนอะไรทั้งสิ้น ทำให้สามารถโทรศัพท์ออก ส่งและอ่าน SMS ลบข้อมูลคอนแทค ดักฟังการสนทนา และอีกมากมาย แต่อย่างไรก็ดี มันมีลิมิต นั้นคือมันสามารถทำงานได้แค่ในระยะ 10 เมตรเท่านั้น


Pod Slurping: ถูกตั้งโดย Abe Usher; Pod Slurping คือเมื่อ iPod หรือ USB อะไรก็ตาม แอบทำการก็อปข้อมูลจำนวนมากจากคอมลงบนตัวมันเอง Pod slurping นั้นเริ่มเป็นภัยอันตรายต่อบริษัทใหญ่ๆและหน่วยงานรัฐ โดยปกติแล้ว ผู้ลงมือจะทำเมื่อไม่มีใครเฝ้าคอมอยู่ การกระทำนี้อาจใช้เวลาแค่ 65 วินาที


Ransomware: โปรแกรมที่ทำให้คอมคุณใช้ไม่ได้ โดยบอกให้คุณจ่ายเงินมาก่อน แล้วมันถึงจะเปิดให้ใช้ มัน ลักพาตัวคอมพิวเตอร์นั้นเอง! Ransomware นั้นถูกรู้เรียกว่า “cryptovirus” หรือ “cryptotrojan” ตัวอย่างของ Ransomware มี Gpcode.AK, Krotten, และ Archiveus Ransomware เคยเป็น trojan ที่เรียกว่า PC Cyborg, ถูกสร้างโดย Dr. Joseph Popp

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

คำศัพท์ครั้งที่2


1.      Adapter

ใน pc หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ตระกูล IBM และ IBM clone หมายถึง แผ่นวงจรสำเร็จชนิดหนึ่ง (มักเรียกว่า interface card) ซึ่งสามารถทำให้คอมพิวเตอร์ใช้อุปกรณ์ประกอบภายนอก (peripheral) ซึ่งไม่สามารถจะต่อเชื่อมโยงเข้ากับวงจรคอมพิวเตอร์ได้ adapter มักจะถูกนำมาใช้ในการ upgrade คอมพิวเตอร์ หรือ นำมาใช้เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถใช้ได้กับฮาร์ดแวร์อย่างใหม่ด้วย

2.      Alphanumeric

มีทั้งตัวเลขและตัวอักษร (alpha = ตัวอักษร; numeric = ตัวเลข) ในเครื่องมืออย่างหนึ่งอาจแสดงให้ปรากฎได้ทั้งตัวเลขและตัวอักษร เช่น alphanumeric display terminal เป็นสถานีปลายสายที่สามารถแสดงตัวอักษร ตัวเลจ และเครื่องหมายต่างๆ ได้ (แต่ไม่สามารถแสดงกราฟฟิค หรือรูปภาพ และลายเส้นต่างๆ ได้) เป็นต้น

3.      assembly language

ภาษาแอสเซมบลี เป็นภาษาระดับต่ำ (low-level programming language) ประโยคของภาษาแอสเซมบลีแต่ละประโยคจะตอบสนอง โดยตรงต่อคำสั่ง แต่ละคำสั่งของภาษาเครื่อง ดังนั้ ภาษาแอสเซมบลี จึงเป็นภาษาของโปรเซสเซอร์ตัวใดตัวหนึ่งโดยเฉพาะ เมื่อเขียนโปรแกรมใดๆ ด้วยภาษาแอสเซมบลีขึ้นมา นักเรียนโปรแกรมจะต้องกำหนดตัวโปรเซสเซอร์ โดยเฉพาะที่จะทำการแปลภาษาแอสเซมบลีให้เป็นรหัสภาษาเครื่อง

4.      ASCLL

(อ่านว่า แอสคี) เป็นคำย่อของคำว่า American Standard Code for Information Interchange หมายถึง ตัวเลข ตัวอักษร เครื่องหมาย ต่างๆ ในภาษา รวมทั้งเครื่องหมายวรรคตอนอย่างใดอย่างหนึ่งที่ได้กำหนดลงไว้เป็นมาตรฐานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ชนิดต่างๆ ใช้เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข่าวสาร กันได้รหัส ASCLL มีทั้งหมด 256 รหัส แบ่งออกเป็น 2 ชุด คือชุดรหัสมาตรฐาน และชุดรหัสเพิ่มเติม แต่ละชุดมี 128 รหัส

5.      Altair 8800

คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กชนิดหนึ่ง ผลิตออกมาในปี พ.ศ. 2518 โดยบริษัท Micro Instrumentation Telemetry System แห่ง New Mexico เป็นคอมพิวเตอร์ขนาด 8-bit ใช้ Intel 8080 micro processor และมีขนาดหน่วยความจำ 256 ไบต์ จัดว่า Altair เป็น PC หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชนิดแรก

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556

คำศัพท์ครั้งที่ 1


1. อาร์เอสเอส (RSS) คือหนึ่งในประเภทซึ่งมีรูปแบบข้อมูลซึ่งใช้สำหรับในการกระจายข้อมูลที่มีการเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงบ่อยจากซึ่งอาร์เอสเอสสามารถย่อมาจากหลายรูปแบบด้วยกันคือ :

  • Really Simple Syndication (RSS 2.0)
  • Rich Site Summary (RSS 0.91)
  • RDF Site Summary (RSS 0.9 และ 1.0)

2. บล็อก (อังกฤษ: blog)หรือ เว็บล็อก (weblog) เป็นหน้าเว็บประเภทหนึ่ง ซึ่งคำว่า blog ย่อมาจากคำว่า weblogหรือ web log โดยคำว่า weblogนั้นมาจาก web (เวิลด์ไวด์เว็บ)และ log (ปูม, บันทึก)รวมกัน หมายถึง บันทึกบนเวิล์ดไวด์เว็บ นั่นเอง ในปัจจุบันบล็อก ถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ฯลฯ และกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยขณะนี้ได้มีผู้ให้บริการบล็อกมากมาย ทั้งแบบให้บริการฟรี และเสียค่าใช้จ่าย

 

3. Wiki คือสารานุกรมเสรีหลายภาษาบนอินเทอร์เน็ต ที่ทุกคนสามารถอ่านและปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหา ซึ่งทำให้วิกิพีเดียกลายเป็นสารานุกรมที่ได้รับการแก้ไข รวบรวมและดูแลรักษาจากอาสาสมัครหลายแสนคนทั่วโลกผ่านซอฟต์แวร์ชื่อมีเดียวิก



4. E-mail คือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการส่งข้อความจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง มีระบบการกำหนดแอดเดรส เช่น บนอินเทอร์เน็ต มีแอดเดรสเป็นชื่อโฮสต์คอมพิวเตอร์ โดยใช้ระบบชื่อโดเมน เช่นbu.ac.thหากผู้ใช้เป็นผู้หนึ่งที่อยู่บนโฮสต์ก็จะมีชื่อบัญชี(account) หรือยูสเซอร์เนมประกอบอยู่ด้วย เช่นHelpDesk@bu.ac.thการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เป็นวิธีการส่งเหมือนจดหมายจริง โดยจะไปเก็บไว้ในเมล์บ็อกซ์ของผู้รับปลายทาง รอจนกว่าผู้รับปลายทางจะมาเปิดเมล์บ็อกซ์นำจดหมายไป


 

5. E-book หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ คำนี้อาจจะเป็นคำใหม่ในความรู้สึกของหลาย ๆ คน แต่ อีกไม่นานจะเป็นที่รู้จักในหมู่นักอ่านทั้งหลาย โดยเฉพาะในวงการห้องสมุดซึ่งในอนาคตจะมีการเปลี่ยน แปลงรูปแบบให้เป็นห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ห้องสมุดดิจิตัลและห้องสมุดเสมือน เทคโนโลยีนี้ก็คง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการนำมาให้บริการกับผู้ใช้ ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับรูปแบบของ หนังสือก็ไม่จำเป็นว่าเราต้องโยนหนังสือทิ้งไปแล้วหันมาใช้เทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นแทนที่เพราะเราก็ไม่ ทราบว่าเมื่อไหร่เทคโนโลยีนี้จะเป็นที่นิยมและยอมรับอย่างแพร่หลาย และถึงแม้ว่าหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์จะเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ในวงการหนังสือ แต่หนังสือก็ยังมีคุณค่าต่อมนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน ดังมีคำยกย่องเกี่ยวกับหนังสือจาก Tony Cawkellว่าหนังสือจะยังคงมีการจัดพิมพ์อีกหลาย ปี และมีความจริงว่าการได้พบหน้ากันระหว่างหนังสือกับผู้อ่านจะมีความสัมพันธ์กับมนุษย์มากกว่าการ ใช้เครื่องจักร ซึ่งจะมีคำที่เกี่ยวข้องกัน 2 คำ คือการถ่ายโอนข้อมูล และพฤติกรรมของมนุษย์ หากมอง โดยผ่านๆ จะพบว่าการอ่านหนังสือ การสแกนหัวข้อข่าว การประเมินคุณค่ารูปภาพหรือภาพวาด เป็น การหาความบันเทิงที่มีความสุขจากแผ่นกระดาษ และยังสามารถจะเขียนข้อความอื่น ๆ ลงไปได้อีก สามารถนำติดตัวได้ อ่านบนเครื่องบิน รถไฟ ในห้องน้ำก็ได้ และมองดูสวยเมื่ออยู่บนชั้น ให้เป็นของ ขวัญกับคนที่รักได้

 


6. WebBoard คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ในลักษณะเป็น กระดานสนทนา เป็นกระดานแจ้งข่าวสาร ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยใช้รูปแบบการแสดงผล HTML ที่นิยมใช้ใน World Wide Web.. WebBoardอนุญาตให้ผู้เยี่ยมชมเวปไซต์ และผู้พัฒนาเวปไซต์ สามารถตั้งหัวข้อกระทู้ เพื่อประกาศข่าวสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ซึ่งจะมีความแตกต่างจาก GuestBookตรงที่ WebBoard จะสามารถแยก หัวข้อต่างๆ ออกเป็นกระทู้ๆ มีความโต้ตอบกันในการสนทนา ในหัวข้อเดียวกันมากกว่า กล่าวได้ว่า WebBoard คือพัฒนาการในรูปแบบใหม่ ของระบบการสนทนาใน BBS (Bulletin Board System)ที่เคยได้รับความนิยม ก่อนที่ระบบเครือข่าย Internetจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
 
 

7. E-Learning สำหรับความหมายโดยทั่วไป คำว่า E-Learningจะครอบคลุมความหมายที่ กว้างมาก กล่าวคือ จะหมายถึง การเรียนในลักษณะใดก็ได้ ซึ่งใช้การถ่ายทอดเนื้อหาผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือสัญญาณดาวเทียม (Satellite) ก็ได้ ซึ่งเนื้อหาสารสนเทศ อาจอยู่ในรูปแบบการเรียนที่เราคุ้นเคยกันมาพอสมควร เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction)การสอนบนเว็บ (Web Based Instruction)การเรียนออนไลน์ (On-line Learning)การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรืออาจอยู่ในลักษณะที่ยังไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก เช่น การเรียนจาก วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย (Video On-Damand)เป็นต้น

 
 

8. WBI (Web base Instruction ๗คือ การสอนโดยใช้เว็บเป็นฐาน การเรียนการสอนผ่านเครือข่าย ( Web base Instruction ) หมายถึง การผนวกคุณสมบัติไฮเปอร์มีเดียเข้ากับคุณสมบัติของเครือข่าย เวิล์ด ไวด์ เว็บ เพื่อเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมแห่งการเรียนในมิติที่ไม่มีขอบเขตจำกัดด้วยระยะทางและเวลาที่แตกต่างกันของผู้เรียน( Learning without Boundry )
 
 

9. CAI คือ การนำคอมพิวเตอร์มาเป็นเครื่องมือสร้างให้เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อให้ผู้เรียนนำไปเรียนด้วยตนเองและเกิดการเรียนรู้ ในโปรแกรมประกอบไปด้วย เนื้อหาวิชา แบบฝึกหัด แบบทดสอบ ลักษณะของการนำเสนอ อาจมีทั้งตัวหนังสือ ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว สีหรือเสียง เพื่อดึงดูดให้ผู้เรียนเกิดความสนใจมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการแสดงผลการเรียนให้ทราบทันทีด้วยข้อมูลย้อนกลับ(Feedback) แก่ผู้เรียน และยังมีการจัดลำดับวิธีการสอนหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละคน ทั้งนี้จะต้องมีการวางแผนการในการผลิตอย่างเป็นระบบในการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบที่แตกต่างกัน คำภาษาอังกฤษที่ใช้เรียก คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ได้แก่Computer Assisted Instruction (CAI), Computer Aided Instruction (CAI), Computer Assisted Learning (CAL), Computer Aided Learning (CAL), Computer Based Instruction (CBI), Computer Based Training (CBT), Computer Administered Education (CAE) , Computer Aided Teaching (CAT) แต่คำที่นิยมใช้ทั่วไปในปัจจุบันได้แก่Computer Assisted Instruction หรือ

 


10. Video on Demand (VOD) คือ ระบบการแพร่ภาพและเสียงวีดิทัศน์จาก คลังข้อมูลวีดิทัศน์(Video Server) สู่ผู้ชมที่อยู่ในเครือข่ายสื่อสาร ผ่านระบบจัดการข้อมูลวีดิทัศน์แบบทยอยส่งเรื่อย ๆ หรือวีดิทัศน์แบบสายธาร (Streaming)โดยผู้ใช้บริการสามารถเลือกเนื้อหาวีดิทัศน์ได้ตามประสงค์โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ การจัดการศึกษาตามประสงค์ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการจึงจะได้ผลดีซึ่งก็คือ"คอมพิวเตอร์และวีดิทัศน์"จากความสามารถในการจัดเก็บและส่งข้อมูลของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้ จัดเก็บและส่งข้อมูลวีดิทัศน์ตามคำร้องขอได้

 

11. Videoconference)คือ การนำเทคโนโลยีสาขาต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ กล้องโทรทัศน์และระบบสื่อสารโทรคมนาคมผสมผสาน เป็นการประชุมที่ผู้เข้าร่วมประชุมอยู่กันคนละสถานที่ ไม่จำกัดระยะทาง สามารถประชุมร่วมกันและมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้ การส่งข้อความและภาพสามารถส่งได้ทั้งทางสายโทรศัพท์ คลื่นไมโครเวฟ สายไฟเบอร์ออฟติกของระบบเครือข่าย และการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม โดยการบีบอัดภาพ เสียงและข้อความ กราฟิกต่างๆ ไปยังสถานที่ประชุมต่างๆ ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถเห็นภาพและข้อความต่างๆ เพื่ออภิปรายร่วมกันได้เพื่อสนับสนุนในการประชุมให้มีประสิทธิภาพ

 

12. Podcast หรือPodcasting คือ ข้อมูลมัลติมีเดียประเภทเสียงที่ถูกส่งขึ้นไปเก็บบนเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดมาฟังได้ทางอินเทอร์เน็ต โดยมีทั้งที่เสียเงินและฟรี และหากเราลงทะเบียนเป็นสมาชิกของPodcast นั้นๆ ระบบจะทำการดึงข้อมูลเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ เมื่อมีการอัพโหลด Podcast ใหม่ๆ ผ่าน RSSจากที่เก็บไฟล์นั้นโดยตรง

ที่มา: http://www.gotoknow.org/posts/244883